1. ตรวจสอบระบบไฟฟ้า
ฤดูหนาวเป็นฤดูที่อากาศค่อนข้างแห้ง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย จึงควรตรวจเช็คอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพราะหากอุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุดอาจจะทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรจนนำไปสู่การเกิดอัคคีภัยได้ ควรปิดสวิตช์ไฟและถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานทุกครั้ง หากมีเครื่องทำน้ำอุ่น แนะนำให้ติดตั้งระบบสายดินและเครื่องตัดไฟรั่วที่ได้มาตรฐานกับวงจรไฟฟ้าเอาไว้ด้วย และไม่ควรปรับปุ่มความร้อนเกินความจำเป็นเพราะจะทำให้เครื่องทำน้ำอุ่นทำงานหนักจนชำรุดเสียหายได้
2. ตรวจสอบประตูหน้าต่าง
อากาศที่หนาวเย็นจะส่งผลต่อประตูหรือหน้าต่างที่ทำจากไม้โดยตรง เพราะอุณภูมิที่ลดลงจะทำให้เกิดการขยายตัวของเนื้อไม้ จนเกิดอาการบวม โก่งจนบิดตัวได้ ตรวจสอบขอบประตูหรือขอบหน้าต่างให้ดี หากมีช่องว่างหรือรอยรั่วก็ให้ซ่อมแซมด้วยยาแนวหรือซิลิโคน เพื่อป้องกันลมหนาวและแมลงที่จะเข้ามาหลบภายในบ้านนั้นเอง
3. ตรวจสอบรอยร้าว
ฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการตรวจสอบและซ่อมแซมหลังคามากที่สุด ดังนั้น จึงควรตรวจสอบรอยรั่วของกระเบื้องให้ดี เพราะหน้าหนาวจะมีอากาศที่แห้งและเย็นในช่วงเช้า แต่มีแดดแรงในตอนกลางวัน จึงส่งผลต่อกระเบื้องที่จะมีขยายและหดตัวจนแตกร้าวได้ นอกจากรอยร้าวกระเบื้องหลังคา รอยร้าวบนผนังภายในบ้านก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากปล่อยไว้ มันอาจจะกลายเป็นเส้นทางให้แมลงตัวเล็กๆหรืออากาศที่หนาวเย็นเล็ดลอดเข้ามาภายในบ้านได้ จึงควรซ่อมแซมรอยเหล่านี้ให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ
4. ทำความสะอาดคอมเพรสเซอร์แอร์
ในฤดูหนาวเราไม่ค่อยจะได้ใช้เครื่องปรับอากาศอย่างแอร์ ซึ่งเมื่อไม่ได้ใช้เป็นระยะเวลานาน ก็อาจจะทำให้เกิดการอุดตันหรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอยู่ในท่อระบายความร้อนของแอร์ได้ ดังนั้น จึงควรเปิดใช้งานบ้างเป็นบางครั้ง และตรวจเช็คทำความสะอาดอยู่เสมอ ควรหาผ้าใบหรือทำหลังคาคลุมเครื่องระบายความร้อยที่ตั้งอยู่กลางแจ้ง ดูแลรักษาคอมเพรสเซอร์แอร์ให้พร้อมใช้งานในฤดูร้อนต่อไป
5. ดูแลต้นไม้รอบบ้าน
สภาพอากาศที่แห้ง ความชื้นในอากาศจึงมีน้อย ทำให้ดินในสวนแห้งเร็วกว่าปกติ และเป็นเหตุให้ต้นไม้บางชนิดต้องทิ้งใบเพื่อลดการคายน้ำ นั้นจึงทำให้สวนในฤดูหนาวมักจะดูแห้งและเฉากว่าปกติ เมื่อลมพัดมาแรงๆ กิ่งไม้แห้งจากต้นไม้สูงๆจึงเสี่ยงที่จะหักโค่นลงจนเกิดอันตรายจ่อชีวิตและทรัพย์สิน นอกจากนี้ ยังสามารถกลายเป็นเชื้อเพลิงได้อีกด้วย ดังนั้น จึงควรตัดแต่งกิ่ง ก้าน และเก็บกวาดเศษใบไม้แห้งที่ร่วงให้เรียบร้อย ส่วนต้นไม้ที่ยังคงเขียวชอุ่มอยู่ ก็ควรจะรดน้ำให้ถี่ขึ้น หาฟางแห้งหรือกาบมะพร้าวสับมาคลุมดินให้กับพืชบางชนิดที่อ่อนไหวต่ออากาศเย็นๆ เพียงเท่านี้เราก็สามารถรักษาสวนให้อยู่รอดไปจนพ้นฤดูหนาวได้แล้ว
6. เพิ่มความอบอุ่น
บ้านส่วนใหญ่มักจะปูพื้นด้วยกระเบื้องหรือปูนซีเมนต์ ทำให้ในฤดูหนาวพื้นบ้านมักจะเย็นผิดปกติ ลองหาพรมสวยๆปูในบริเวณที่ใช้งานบ่อยๆ เช่น ในห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน หรือห้องนอน ใช้หมอนหรือผ้าห่มมาวางตกแต่งบนโซฟา โดยเลือกดีไซต์และโทนสีให้เข้ากับตัวบ้าน สำหรับเก้าอี้ที่เป็นไม้หรือเหล็กอาจใช้ผ้าคลุมสวยๆมาคลุมเพื่อไม่ให้รู้สึกเย็นจนนั่งลำบาก นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว การจัดแต่งบ้านโดยใช้ทิศทางของแสงแดดก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ วิธีนี้นอกจากจะทำให้ภายในบ้านอบอุ่นขึ้นแล้ว ยังจะช่วยประหยัดค่าไฟจากการใช้เครื่องทำความร้อนได้อีกด้วย
แม้ประเทศไทยจะมีฤดูหนาวเพียงไม่กี่วัน แต่เราก็ควรเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ หมั่นตรวจเช็คสภาพบ้านและข้าวของเครื่องใช้ให้พร้อมใช้งานสำหรับทุกฤดูกาล เพราะอย่างน้อย เมื่อลมหนาวพัดมา แม้จะเพียงไม่นาน แต่ในช่วงเวลานั้น บ้านของเราก็คงจะอบอุ่นและปลอดภัยอย่างแน่นอน