1.รอยร้าวบนคาน
คาน คือ ส่วนประกอบหนึ่งที่เชื่อมต่ออยู่กับเสาบ้าน มีหน้าที่ถ่ายเทน้ำหนักเพื่อส่งต่อไปยังเสาอีกต่อหนึ่ง หากจะให้เปรียบกับร่างกายมนุษย์ก็คงจะเป็นโครงกระดูกที่ทำหน้าที่ซัปพอร์ตให้บ้านหรืออาคารมีความมั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้น ดังนั้น คานจึงเป็นสิ่งที่เราควรใส่ใจเป็นพิเศษ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเรา รอยร้าวบนคานสามารถแย่งได้ ดังนี้
- รอยร้าวลักษณะแตกล่อนบนคาน
รอยร้าวประเภทนี้มักเกิดจากการใช้คอนกรีตคุณภาพต่ำ จึงทำให้คอนกรีตแตกร้าวหรือหลุดล่อนออกจากคานเป็นจุดๆไม่สม่ำเสมอ โดยมากไม่มีอันตราย แต่ควรตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอว่าการหลุดล่อนนั้นได้ลุกลามมากเกินไปหรือไม่ หากมากไปก็อาจต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ไข
- รอยร้าว 45 องศาที่ริมคานและรอยร้าวรูปตัว U ใต้ท้องคาน
รอยร้าวกลางคานรูปตัวยู U และรอยร้าวแนวเฉียง 45 องศาบริเวณริมคาน เกิดจากการที่คานรับน้ำหนักมากเกินไปจนคานแอ่นและดันผนังใต้คานให้เกิดรอยร้าวขึ้น หากปล่อยไว้อาจเกิดปัญหากับตัวโครงสร้างบ้านได้ ควรลดน้ำหนักบริเวณเหนือคานลงและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้มาแก้ไขโดยเร็ว
2.รอยร้าวบนผนัง
เป็นรอยบนผนังที่พบเห็นได้ทั่วไปตามบ้านและอาคารสูง มักเป็นรอยขนาดเล็กเท่าไส้ดินสอและส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายต่อตัวโครงสร้าง แต่ก็มีบางรอยที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วนเพราะอาจเกิดอันตรายได้เช่นกัน รอยร้าวบนผนังแบ่งเป็นรอยต่างๆ ดังนี้
- รอยร้าวผนังแบบแตกลายงา
เป็นรอยร้าวผนังที่สามารถพบเห็นได้บ่อยมากที่สุด โดยสาเหตุหลักๆ มาจากการผสมปูนที่ไม่ได้สัดส่วน หรือการฉาบปูนจากช่างที่ไม่มีความชำนาญพอ โดยรอยร้าวลักษณะนี้ไม่เป็นอันตราย ไม่ส่งผลต่อโครงสร้างภายใน แต่ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะหากเกิดฝนตก ผนังจะกักเก็บความชื้นจนบวม ทำให้เกิดปัญหาสีลอกและเชื้อราได้
- รอยร้าวตรงรอยต่อผนังกับเสาและคาน
รอยร้าวนี้มักจะเกิดขึ้นกับปลายทั้งสองข้างของคาน สาเหตุส่วนใหญ่จะมาจากการที่คานต้องรับน้ำหนักที่มากเกินไป ทำให้เสาและคานแยกตัวออกจากกัน รอยร้าวลักษณะนี้เป็นอันตราย อาจเป็นสาเหตุให้บ้านหรืออาคารถล่มลงมาได้ ควรให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาแก้ไขโดยด่วน
- รอยร้าวแนวดิ่งกลางผนัง
หากรอยร้าวเป็นแนวตั้งหรือมีลักษณะของรอยที่กว้างช่วงบนแล้วแคบลงมา แสดงว่าโครงสร้างภายในอาคารมีปัญหา หรือคานรับน้ำหนักมากเกินไปจนทำให้หินหรืออิฐภายในผนังดันตัวจนเกิดเป็นรอยร้าว รอยร้าวลักษณะนี้เป็นอันตราย ควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาซ่อมแซมโดยด่วน นอกจากนี้ ควรย้ายของจากชั้นบนลงมาเพื่อเป็นการถ่ายเทน้ำหนักในเบื้องต้นด้วย
- รอยร้าวแนวเฉียงกลางผนัง
รอยร้าวแบบแนวทแยงหรือแบบเฉียงกลางผนัง มักเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับฐานรากของตัวบ้าน เช่น เสาบางต้นมีการทรุดตัวทำให้ไม่สามารถรับน้ำหนักได้ดีหรือการต่อเติมบ้านที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม รอยร้าวลักษณะนี้เป็นอันตรายเพราะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผนังทำกำลังจะพังลงมาแล้ว ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้มาแก้ไขโดยด่วน
3. รอยร้าวบนเสา
รอยร้าวบนเสามักเกิดจากการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา การเกิดรอยร้าวบนเสามีหลากหลายรูปแบบดังนี้
- รอยร้าวแนวดิ่งที่เกิดขึ้นบริเวณโคนเสา
เกิดจากการที่เสารับน้ำหนักมากเกินไป
- รอยร้าวแนวเฉียง 45 องศา
เกิดจากการรับแรงเฉือนตอนที่อาคารมีการทรุดตัวได้ไม่เท่ากัน
- รอยร้าวในเสา
เกิดจากการที่เหล็กที่อยู่ในเสาเป็นสนิม มีเนื้อพรุนเป็นโพรง
4.รอยร้าวบนเพดาน
รอยร้าวบนเพดานที่เห็นเด่นชัด มี 3 ประเภทที่อาจเกิดปัญหาแตกต่างกัน ดังนี้
- รอยร้าวแบบใยแมงมุม
รอยร้าวแบบใยแมงมุม เป็นรอยร้าวที่มีขนาดเล็ก พบเห็นได้ตามปกติ ส่วนใหญ่ไม่มีความรุนแรงเพราะมักจะเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้นของบ้าน ทว่าถ้าหากรอยร้าวลักษณะนี้มีขนาดกว้างมากเกินไป ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพราะอาจสื่อถึงการทรุดตัวหรือปัญหาฐานรากและโครงสร้างได้
- รอยร้าวแนวดิ่ง
รอยร้าวแนวดิ่ง หรือรอยร้าวแนวตั้ง มีลักษณะของรอยร้าวเป็นเส้นตามแนวยาวตั้งแต่เพดานลงมาจนถึงผนัง เกิดจากความเสียดายทางด้านโครงสร้าง การทรุดตัวของฐานราก หรือผนังเปราะบาง ซึ่งเป็นปัญหาที่ค่อนข้างจะรุนแรง ควรให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบและแก้ไขให้เร็วที่สุด
- รอยร้าวที่มาพร้อมกับการยุบตัวของเพดาน
เป็นรอยร้าวที่พบเห็นได้บ่อย เกิดจากฐานรากเริ่มมีปัญหา จนทำให้เพดานเคลื่อนตัว เป็นรอยร้าวที่มีความรุนแรง ถ้าหากพบควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว
5.รอยร้าวบนพื้น
- รอยร้าวบนพื้นเป็นรอยแนวเฉียงเข้าหาเสาทั้งสี่มุม
เกิดจากการที่พื้นมีการแอ่นตัวเพราะต้องรองรับน้ำหนักที่มากเกินไป
- รอยร้าวเป็นแนวเส้นตรงบนพื้นหรือเป็นรูปตีนกา
เกิดจากตัวคอนกรีตมีการยืดและหดตัวตามสภาพภูมิอากาศ หากเป็นรอยลึกให้ระมัดระวังเรื่องการรั่วซึม เพราะอาจส่งผลต่อโครงสร้างของเหล็กภายในที่อาจเป็นสนิมได้
เมื่อพบรอยร้าวที่เป็นอันตราย สิ่งแรกที่เจ้าของบ้านควรทำคือการย้ายสิ่งของออกจากบริเวณที่เกิดปัญหาให้หมด เพื่อลดน้ำหนักและแรงกดทับของโครงสร้าง แล้วติดต่อช่างหรือวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเข้ามาประเมินความเสียหายและหาทางแก้ไขโดยด่วน ทั้งนี้ก็เพื่อให้บ้านของเราคงอยู่ต่อไปอย่างสวยงามและมั่นคงนั้นเอง