ห้องน้ำควรปูพื้นกระเบื้องอย่างไร
1.ประเภทกระเบื้อง
เพราะห้องน้ำเป็นห้องที่โดนน้ำหรือความชื้นอยู่ตลอดทั้งวัน กระเบื้องที่นำมาปูจึงควรมีคุณสมบัติกันลื่น นอกจากนี้ควรทำความสะอาดได้ง่าย ทนทานต่อสารเคมีและรอยขีดข่วน เพราะพื้นห้องน้ำเป็นจุดที่มักจะถูกทำความสะอาดด้วยแปรงขัดหรือน้ำนาต่างๆอยู่เสมอ ประเภทของกระเบื้องที่นิยมนำมาใช้กับพื้นห้องน้ำ ได้แก่
- กระเบื้องโมเสค (Mosaic)
เป็นกระเบื้องที่มีสีสันสดใสขนาดเล็กที่นำมาปะติดกันจนเกิดเป็นลวดลายเฉพาะตัว มีความทนทานสูงแม้ต้องอยู่ในสถานที่ที่มีน้ำมากๆ ข้อเสียคือทำความสะอาดได้ยาก
-กระเบื้องเซรามิค (Ceramic)
มีความแข็งแรง ทนทาน ทำความสะอาดง่าย และราคาถูก แต่ผิวสัมผัสค่อนข้างลื่นจึงไม่เหมาะจะใช้ปูพื้นห้องน้ำส่วนที่เปียกเพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้
- กระเบื้องพอร์ซเลนด์ (Porcelain Tiles)
หนึ่งในกระเบื้องพอร์ชเลนด์ที่นิยมใช้คือกระเบื้องแบบแกรนิตโต้ เพราะมีความแข็งแรงทนทาน กันลื่นได้ อัตราการซึมน้ำต่ำ นอกจากนี้ยังสามารถรับแรงได้มาก ทนต่อการขัดสีได้ดี มีผิวสัมผัสที่หลากหลายทั้งผิวด้าน ผิวมันเงา และผิวแบบกึ่งมันเงา ทำให้สามารถเลือกใช้ในห้องน้ำได้ทั้งส่วนที่เปียกและส่วนที่แห้ง เป็นกระเบื้องที่เหมาะกับการปูพื้นห้องน้ำมากที่สุด
2.ขนาดของกระเบื้อง
การเลือกกระเบื้องแผ่นใหญ่จะทำให้ความสะอาดง่ายขึ้น เพราะกระเบื้องแผ่นใหญ่จะทำให้คราบสกปรกตรงร่องยาแนวน้อยลง นอกจากนี้ ยังทำให้ห้องน้ำดูไม่คับแคบ มีมิติและพรางสายตาได้ดีอีกด้วย
3.สีของกระเบื้อง
สีกระเบื้องมีผลต่อการทำความสะอาดห้องน้ำ เพราะหากปูพื้นด้วยกระเบื้องสีโทนเข้ม คุณอาจจะมองไม่เห็นคราบสกปรกบางอย่าง และทำความสะอาดได้ไม่หมด ตรงกันข้ามหากปูพื้นด้วยกระเบื้องสีโทนอ่อน คุณก็จะสังเกตเห็นคราบสกปรกเหล่านั้นได้ง่าย และทำความสะอาดได้หมดจดกว่า นอกจากนี้สีโทนอ่อนยังช่วยพรางตาให้ห้องน้ำดูกว้างและโปร่งโล่งขึ้นอีกด้วย
4.ค่ากันความลื่น
กระเบื้องปูพื้นห้องน้ำที่ดีที่สุดคือต้องไม่ลื่นเมื่อพื้นเปียก โดยทั่วไปกระเบื้องจะมีค่ากันความลื่น หรือ Slip Resistance ระบุไว้เสมอ กระเบื้องที่เหมาะกับห้องน้ำควรมีค่ากันความลื่นระหว่าง R9-R13 โดยค่ากันลื่นที่เหมาะสมที่สุดจะอยู่ในระดับ R10 เพราะเป็นค่าที่มีความด้านพอประมาณแต่ไม่หยาบเกินไปจนยากต่อการทำความสะอาด คุณสามารถสังเกตได้ว่ากระเบื้องที่เห็นมีค่า R มากหรือน้อย ด้วยวิธีง่ายๆ คือ แผ่นไหนมีผิวที่หยาบและสาก แสดงว่าค่า R สูง ส่วนกระเบื้องที่มีค่า R ต่ำจะมีผิวเรียบ มันวาว นั้นเอง
วิธีปูกระเบื้องให้ทำความสะอาดง่าย
เมื่อเลือกกระเบื้องที่เหมาะสมได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการปูพื้น ซึ่งจะมีเทคนิคเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด ดังนี้
1. ใช้ยากันแนวกันเชื้อรา
โดยใช้ยากันแนวกันเชื้อยาที่ผสมสารไมโครแบน ซึ่งจะมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อราและแบคทีเรียไม่ให้ก่อตัวบนร่องกระเบื้อง วิธีนี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการปูกระเบื้องในพื้นที่ที่อับชื้นอย่างห้องน้ำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ใช้เองก็ต้องหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ เพราะถึงกันเชื้อราได้ แต่ก็ไม่ได้กันคราบสกปรกอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นได้เหมือนกัน
2.ใช้น้ำยาเคลือบกระเบื้อง
เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเพื่อให้พื้นห้องน้ำดูสะอาดสดใสและทำความสะอาดง่ายขึ้น ข้อเสียคือ น้ำยาเคลือบประเภทนี้มักจะอยู่ได้ไม่นาน ดังนั้น จึงควรเคลือบห้องน้ำใหม่ทุก 3-6 เดือนเพื่อรักษาคุณสมบัติของน้ำยาเคลือบไว้
3.แบ่งโซนเปียกและแห้ง
การแบ่งฝั่งห้องน้ำเปียกและห้องน้ำแห้งนั้นเป็นวิธีที่แสนเรียบง่ายแต่ได้ผลมากที่สุด เพราะการแบ่งโซนจะสามารถจำกัดขอบเขตความเปียกและคราบสกปรกไม่ให้เลอะเทอะเกินไป จึงง่ายต่อการทำความสะอาด โดยคุณสามารถแยกโซนได้ง่าย ๆ ด้วยการก่อขอบกั้นหรือใช้ม่านเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำกระเซ็นไปที่โซนแห้งนั้นเอง
การเลือกกระเบื้องปูพื้นห้องน้ำควรเริ่มพิจารณาเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก โดยเลือกจากพื้นผิวสัมผัสและค่ากันความลื่นที่เหมาะสม สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้กระเบื้องห้องน้ำแบบไหนก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการดูแลรักษาความสะอาด เพราะต่อให้ใช้แบบกระเบื้องห้องน้ำที่ดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าไม่ดูแลรักษาให้ดี สุดท้ายพื้นก็จะเต็มไปด้วยคราบสกปรกจนห้องน้ำไม่น่าใช้นั้นเอง