1. ลั่นทม
หากพูดถึงต้นไม้อัปมงคล “ลั่นทม” คงเป็นชื่อแรกที่ใครๆจะนึกถึง เพราะชื่อที่ที่ฟังคล้ายกับคำว่า “ระทม” จึงทำให้คนโบราณเชื่อว่าหากปลูกต้นไม้ต้นนี้ คนในบ้านจะต้องพบเจอกับความทุกข์ ความโศกเศร้าเสียใจ แม้ความจริงคำว่า "ลั่นทม" จะหมายถึง “การละแล้วซึ่งความโศก” ไม่ใช่ “ระทม” เหมือนที่หลายคนเข้าใจ แต่ความเชื่อนั้นก็ได้หยั่งรากลึกเกินกว่าจะถอนได้ จึงได้เปลี่ยนชื่อลั่นทมเป็น “ลีลาวดี” ที่แปลว่า “ดอกไม้ที่มีท่วงท่าสวยงามอ่อนช้อย” แทน ปัจจุบันดอกลั่นทมหรือดอกลีลาวดีเป็นดอกไม้ที่ค่อนข้างได้รับความนิยม ด้วยสีสันที่สวยงามและกลิ่นที่หอมละมุน ผู้คนจึงนิยมนำต้นไม้ต้นนี้มาแต่งสวนกันมากขึ้น แต่การปลูกต้นลีลาวดีก็มีข้อควรระวังเพราะทุกส่วนของต้นไม้นี้มียางสีขาวขุ่นที่เป็นพิษ ถ้าหากสัมผัสโดนจะทำให้เกิดผื่นคันตามผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีกิ่งที่เปราะบางหักได้ง่าย จึงไม่ควรปลูกไว้ในบ้านที่มีเด็ก แต่ควรปลูกไว้ในสวนให้ห่างจากตัวบ้านเพื่อความปลอดภัย
2. ชวนชม
ชวนชมเป็นพรรณไม้ที่มีสีสันสวยงาม ปลูกง่าย ทนต่อสภาพแวดล้อมที่แห้วแล้ง จึงนิยมนำมาใช้เป็นไม้ประดับ ชวนชมเป็นต้นไม้ที่มีความเชื่อที่เป็นได้ทั้ง “มงคล” และ “อัปมงคล” หากมองในด้านมงคล การปลูกชวนชมจะช่วยให้คนในบ้านมีคนมาชื่นชมชื่นชอบ เป็นที่รักยกย่องแก่คนทั่วไป แต่ในมุมของบ้านที่มีลูกสาว ความนิยมชมชอบนี้อาจกลายเป็นความหมายในเชิงอัปมงคล เพราะมันจะกลายเป็นการชักนำหนุ่มๆเข้ามาจนเกิดเรื่องเสื่อมเสียมาถึงครอบครัว เพราะฉะนั้นในสมัยโบราณจึงไม่นิยมปลูกชวนชมในบ้านที่มีลูกสาว นอกจากนี้ยางของต้นชวนชมยังเป็นอันตราย หากยางของชวนชมสัมผัสผิวหนังจะทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน ผิวหนังอักเสบเป็นผื่นแดง หากสัตว์เลี้ยงกัดหรือกินเข้าไปจะมีผลต่อการเต้นของชีพจร เป็นพิษต่อหัวใจ ความดันลดลงและอาจเสียชีวิตได้
3. ชบา
ชบา เป็นต้นไม้อีกชนิดหนึ่งที่ผู้คนนิยมนำมาปลูกไว้ในบ้าน เพราะชบามักจะออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม ผู้คนจึงนิยมนำมาแต่งสวน แต่คนไทยในสมัยโบราณไม่นิยมปลูกดอกชบาเอาไว้ในบริเวณบ้าน เพราะเชื่อว่าเป็นต้นไม้อัปมงคล โดยความเชื่อนี้คนไทยได้รับมาจากอินเดียอีกทีหนึ่ง คนอินเดียในอดีตจะใช้ดอกชบามาทำเป็นพวงมาลัยเพื่อคล้องคอนักโทษที่จะถูกประหาร ประเทศไทยก็รับอิทธิพลเรื่องดอกชบาเข้ามา โดยในสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้มีการใช้ดอกชบาเพื่อลงโทษและประจานผู้หญิงแพศยา ด้วยการนำดอกชบามาทัดหูทั้ง 2 ข้าง และร้อยดอกชบาสีแดงเป็นมาลัยใส่ศีรษะและใส่คอ สิ่งเหล่านี้ทำให้ดอกชบากลายเป็นสัญลักษณ์ของการเล่นชู้ เป็นดอกไม้อัปมงคลที่ไม่ควรปลูกไว้ในตัวบ้าน แม้ในปัจจุบันจะไม่มีการใช้ดอกชบาเพื่อการลงโทษแล้ว แต่ความเชื่อที่หยั่งรากลึกจากคนไทยสมัยโบราณก็ยังคงมีอยู่ในคนหมู่หนึ่ง จึงทำให้อคติที่มีต่อดอกชบาโดยเฉพาะดอกชบาสีแดงยังคงไม่หายไปจากสังคมไทยมาจนถึงปัจจุบัน
4. มะละกอ
มะละกอ เป็นต้นไม้ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นต้นไม้ที่ถูกนำมาใช้รับประทานและประกอบอาหารจนชินตา แต่ในสมัยโบราณมีความเชื่อว่ามะละกอนั้นเป็นต้นไม้ที่ไม่ควรปลูกในบริเวณบ้าน เพราะชื่อมะละกอ ฟังคล้ายกับการแตกออกเป็นกอ หรือ “ละ” จากเผ่ากอ บ้านที่ปลูกมะละกอไว้ในบริเวณบ้านจะไม่มีความสุช ลูกหลานแตกแยก มีความคิดขัดแย้งจนหาความสุขไม่ได้ แต่หากจะปลูกไว้เพื่อรับประทานก็ควรปลูกไว้นอกริมรั้วบ้าน แต่ในส่วนของเหตุผลทางวิทยาศาสตร์นั้น ยางมะละกอจะมีโปรตีนลาเท็กซ์อยู่ ซึ่งหากผู้ที่เป็นภูมิแพ้สัมผัสกับโปรตีนชนิดนี้ จะมีผลทำให้เกิดผื่นคัน มีน้ำมูก น้ำตาไหล หอบ หืด ถ้าเป็นมากอาจทำให้เกิดอาการภูมิแพ้อย่างรุนแรงเฉียบพลันจนเป็นอันตรายได้
แม้ต้นไม้ที่กล่าวมาจะถูกเรียกว่าต้นไม้อัปมงคล แต่สุดท้ายการเลือกปลูกต้นไม้ชนิดใดชนิดหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสบายใจของผู้ปลูกอยู่ดี เพราะความเชื่อในสมัยโบราณส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงกุศโลบายที่ให้แง่คิดและคำเตือนเท่านั้น ทั้งหมดทั้งมวลก็ย่อมอยู่ที่ความเชื่อส่วนบุคคล แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องดูความเหมาะสมและความปลอดภัย โดยเฉพาะในบ้านที่มีเด็กเล็ก สัตว์เลี้ยง รวมถึงผู้อยู่อาศัยที่เป็นโรคภูมิแพ้ด้วยนั้นเอง